"บรูโน" : ว่าที่นักฟุตบอลทีมชาติบราซิล.. สู่การฆาตกรรมหญิงสาว



ในดินแดนที่ผู้คนเล่นฟุตบอลเก่งกาจราวกับอยู่ในสายเลือดอย่างบราซิล การก้าวขึ้นไปติดทีมชาติคือหนึ่งในเกียรติยศสูงสุด เพราะมันคือการต้องต่อสู้กับคนนับพันนับหมื่นในการขึ้นมายืนอยู่ในจุดนี้

เช่นเดียวกับ บรูโน ผู้รักษาประตูร่างโย่งของ ฟลาเมงโก เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ช่วยให้เกมส์ยิงปลาออนไลน์ทีมคว้าแชมป์ลีกในปี 2009 และได้รับการคาดหมายว่าจะมีชื่ออยู่ในทัพเซเลเซา ในฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิลเป็นเจ้าภาพ

แต่อนาคตของเขาต้องดับสูญ เมื่อในปี 2010 เขากลายเป็นผู้ต้องสงสัยคดีลักพาตัวและฆาตกรรมหญิงสาว เกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น


ติดตามเรื่องราวไปพร้อมกับ Main Stand

อนาคตขุนพลเซเลเซา

ชีวิตของ บรูโน แฟร์นันเดส ดาส ดอเรส เด ซูซา หรือ บรูโน ไม่ต่างอะไรจากนักฟุตบอลชาวบราซิลคนอื่น ที่เริ่มต้นจากความจน เขาเกิดที่เมือง ริเบเรา ดาส เนเวส เมืองที่เต็มไปด้วยกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของบราซิล



หลังลืมตาดูโลกได้เพียง 3 เดือน บรูโนก็ต้องมีอันพลัดพรากจากผู้ให้กำเนิด เมื่อพ่อและแม่ของเขา ย้ายไปอยู่ในเมืองที่อยู่ห่างออกไปเกือบสองพันกิโลเมตร ทิ้งให้เขาใช้ชีวิตอยู่กับย่าด้วยความยากลำบาก

แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขาสิ้นหวัง เมื่อ บรูโน ยังเห็นช่องทางที่จะหลุดพ้นจากความยากจน นั่นคือการเล่นฟุตบอล เขาเริ่มต้นเส้นทางนี้ด้วยการเข้าเป็นสมาชิกของทีมอคาเดมีที่ชื่อว่า เวนดา โนวา ซึ่งเป็นสโมสรลูกของ เบโล ฮอริซอนเต ตอนอายุ 12 ปี

ด้วยความที่เขามีส่วนสูงโดดเด่นกว่าคนอื่น ทำให้ บรูโน ได้เล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตู ก่อนที่มันจะทำให้เขาได้เซ็นสัญญาอาชีพในตำแหน่งนี้กับ แอตเลติโก มิเนโร ทีมดังของภูมิภาคในปี 2004

ในวัย 21 ปี เขาทำผลงานได้อย่างโดดเด่นให้กับทีมดังของบราซิล และได้ย้ายไปเล่นให้กับ ฟลาเมงโก ในปี 2006 รวมถึงเคยได้รับความสนใจจาก อาแซด อัคมาร์ ในเอเรดิวิซี ของเนเธอร์แลนด์ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ย้าย

ก่อนที่ในปี 2009 เขาจะก้าวขึ้นมาอยู่ในจุดสูงสุดของนักฟุตบอล หลังเป็นหนึ่งในสมาชิกสำคัญที่พา ฟลาเมงโก ผงาดคว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี และเป็นแชมป์สมัยที่ 6 ของสโมสร



ในตอนนั้นเขากลายเป็นผู้รักษาประตูเนื้อหอมอีกครั้ง และมีข่าวลือว่าได้รับความสนใจจาก เอซี มิลาน ทีมดังของอิตาลี แถมในปี 2010 ยังสามารถจารึกชื่อด้วยการทำประตูที่สองในชีวิตอาชีพ หลังปั่นฟรีคิกสุดสวยในเกมพ่ายต่อ ฟลูมิเนนเซ 2-1

บรูโน กลายเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ได้รับการจับตามองคนหนึ่งในยุคนั้น แม้ว่าเขาจะไม่มีชื่อติดทีมชาติไปเล่นฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ แต่หลายฝ่ายก็คาดหมายว่าในอีก 4 ปีข้างหน้า ฝีมือของเขาก็น่าจะสุกงอม และกลายเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูของทีมชาติบราซิล ในฟุตบอลโลก ที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพ

แต่สุดท้ายมันกลับไม่เคยเกิดขึ้น เพราะเหตุการณ์ในวันนั้น..

ท้องไม่รับ

25 มิถุนายน 2010 มันเป็นหนึ่งในวันที่วุ่นวายที่สุดของสื่อบราซิล เมื่อ บรูโน ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีลักพาตัว และการเสียชีวิตของ เอลิซา ซามูดิโอ นางแบบและนักแสดงชาวบราซิล

เธอหายไปตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมิถุนายน ก่อนที่ตำรวจจะตามสืบและเชื่อมโยงว่า นายด่านของฟลาเมงโก มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้



จุดเริ่มต้นของคดีนี้ต้องย้อนกลับไปเมื่อราว 1 ปีก่อน เมื่อ บรูโน และ เอลิซา ได้มีโอกาสพบกันเป็นครั้งแรกในปาร์ตี้เซ็กซ์ (จากคำให้การของเพื่อนทั้งสองฝ่าย) ในวันที่ 21 พฤษภาคม 2009 และได้สานความสัมพันธ์กันต่อ

ทว่า ในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน เอลิซา ก็ตั้งท้องลูกของบรูโน ซึ่ง บรูโน ในตอนนั้นต้องการให้ทำแท้ง แต่เธอปฎิเสธ เมื่อความเห็นของทั้งคู่ไม่ตรงกัน ทำให้ทั้งสองคนต้องยุติความสัมพันธ์ตั้งแต่ตอนนั้น

แม้จะเลิกรากันไป แต่เรื่องของพวกเขายังไม่จบ เมื่อในเวลาต่อมา เอลิซา ได้ฟ้องร้อง บรูโน เรียกร้องค่าเลี้ยงดู จนกลายเป็นคดีความที่ต้องขึ้นศาล อันที่จริงมันควรเป็นเรื่องที่จบลงด้วยกฎหมาย เพียงแต่ว่ามันกลับนำไปสู่อาชญากรรมที่โหดร้าย

การไม่ยอมทำแท้งของ เอลิซา กลายเป็นปัญหาของ บรูโน เมื่อตอนนั้นเขาเป็นนักฟุตบอลอนาคตไกลที่น่าจับตามอง แต่เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของเขา และอาจส่งผลต่อทีมชาติในอนาคต



อย่างไรก็ดี อันที่จริง บรูโน ไม่ได้เป็นนักฟุตบอลที่ชื่อเสียงดีนัก แม้เขาจะเป็นนักเตะฝีเท้าดี แต่ก็เคยนอนคุกมาแล้วหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการทะเลาะวิวาทกับนักเรียนที่เป็นแฟน ครูเซโร สมัยที่เล่นให้กับ มิเนโร จนต้องนอนซังเตหนึ่งคืน หรือการขับรถหวาดเสียวจนถูกจำคุกในปี 2006

เพียงแต่ครั้งนี้มันไปไกลกว่านั้น เมื่อในเดือนตุลาคม 2009 เอลิซา ได้แจ้งความต่อตำรวจว่าเธอถูก บรูโน และเพื่อน รวมไปถึง หลุยส์ โรเมา เพื่อนสนิทสมัยเด็ก ที่เป็นที่รู้จักในฉายา Macarrao หรือ สปาเก็ตตี้ ได้ลักพาตัวเธอ

เธอเล่าว่าบรูโนและพวกได้ทุบตีเธอ และบังคับให้กินยาทำแท้ง นอกจากนี้ บรูโน ยังเอาปืนจ่อหัวเธอ ให้กินยา แต่เธอยืนกรานปฏิเสธ แน่นอนว่าพอเรื่องกลายเป็นข่าว บรูโน ได้ออกมาปฎิเสธในเรื่องนี้ อย่างฉุนเฉียว และบอกว่าเอลิซาโกหกเพื่อทำให้เขาเสียหาย



"นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอโกหกเพื่อทำให้ผมมีปัญหา" เขากล่าวในแถลงการณ์

"เธอไม่สามารถรับความจริงได้ว่าผมไม่อยากข้องเกี่ยวกับเธอ ผมจะไม่ยอมให้ผู้หญิงคนนี้มาเกาะผมเพื่อทำให้เธอดัง"

ในการสอบสวน ตำรวจรัฐริโอ ฝ่ายที่เชี่ยวชาญเรื่องความรุนแรงต่อผู้หญิง ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่ง ห้าม บรูโน เข้าใกล้ เอลิซา แต่ศาลกลับปฏิเสธคำร้องดังกล่าว ขณะที่ผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ก็ล่าช้าอย่างน่าสงสัย

ในขณะที่การสอบสวนกำลังดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ในเดือนกุมภาพันธ์ 2010 เอลิซา ก็ให้กำเนิดลูกชาย และตั้งชื่อว่า บรูโน ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับพ่อของเขา แน่นอนว่า ผู้รักษาประตูของฟลาเมงโก ปฏิเสธความเป็นพ่อเด็ก และขอให้ตรวจดีเอ็นเอ




แต่หลังจากนั้นท่าทีของ บรูโน เริ่มเปลี่ยนไป เขาดูเหมือนว่าจะยอมคุยกับเอลิซา จากคำบอกเล่าของ เลสลีย์ เลเตา เจ้าของผลงาน Unsavable หนังสือขายดีที่บอกเล่าคดีของเอลิซา ระบุว่า บรูโน บอก เอลิซา ว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย

"เขาขอร้องเธอให้หยุดพูดเรื่องนี้กับกับสื่อ" เลสเตา บอกกับ BBC

อย่างไรก็ดี มันคือกับดัก..

ฆาตกรรมสุดเหี้ยมโหด

ในตอนแรกดูเหมือน บรูโน อยากจะจบปัญหานี้อย่างรอมชอม พวกเขาทั้งคู่มีนัดขึ้นศาลครอบครัวเพื่อไกล่เกลี่ยในเรื่องค่าเลี้ยงดูและการตรวจดีเอ็นเอในวันที่ 11 มิถุนายน 2010 แต่ก่อนหน้านั้นไม่นาน เอลิซา กลับหายตัวไป

แน่นอนว่า บรูโน กลายเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับ 1 จากสิ่งที่เขาเคยทำมาก่อน ก่อนที่ตำรวจจะเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราว และสืบทราบว่า โกลของฟลาเมงโก คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังในเรื่องนี้จริง



มันเริ่มต้นจากวันที่ 4 มิถุนายน ก่อนขึ้นศาลหนึ่งสัปดาห์ สปาเก็ตตี้ ได้โทรหา เอลิซา ซึ่งอันที่จริงเขาทำหน้าที่เหมือนผู้ช่วยส่วนตัวของบรูโนอยู่แล้ว

เขาบอกเธอว่า บรูโน จะจ่ายเงินให้ แต่ต้องไปเอาเงินที่ไร่ที่อยู่ห่างออกไปราว 100 กิโลเมตร หากเธอต้องการเงิน เธอและลูกต้องไปที่นั่น โดย สปาเก็ตตี้ และ ฮอร์เก ซาเลส ลูกพี่ลูกน้องวัย 17 ปีจะเป็นคนพาไป

แต่เมื่อไปถึงที่นั่น ทั้งคู่ได้ซ้อมเธอจนบาดเจ็บ และนำตัวไปที่บ้านพักหลังใหญ่ของบรูโน ซึ่งตอนนั้น บรูโน ไม่อยู่บ้าน เนื่องจากเดินทางไปแข่งกับฟลาเมงโก เธออยู่ที่บ้านของเขาจนถึงวันที่ 10 มิถุนายน ก่อนจะถูกพาไปที่บ้านพักในอีกเมืองหนึ่งที่ชื่อ เบโล ฮอริซอนเต



และที่แห่งนั้นก็กลายเป็นสถานที่สุดท้ายในชีวิตเธอ เมื่อถึงบ้านพักเธอถูก มาร์กอส อปาเรซิโด อดีตตำรวจที่สปาเก็ตตี้จ้างมา จับรัดคอ ทำให้ขาดอากาศหายใจ ก่อนจะหั่นศพของเธอออกเป็นส่วนๆ แล้วเอาไปให้สุนัขกิน

ส่วนลูกของเธอ บรูนินโญ หรือ บรูโนน้อย โชคยังดีที่ถูกพบในสภาพที่มีชีวิต อยู่ที่ชุมชนแออัดในเมือง ริเบเรา ดาส เนเวส ชานเมือง เบโล ฮอริซอนเต แต่ชิ้นส่วนที่เหลือของ เอลิซา ยังหาไม่เจอจนถึงทุกวันนี้

คำพิพากษา

หลังจากถูกออกหมายจับ บรูโน ได้เข้ามอบตัวต่อตำรวจในวันที่ 7 กรกฎาคม ในตอนแรก เจ้าตัวยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนสั่งฆ่าเอลิซา แต่เป็นสปาเก็ตตี้ที่ทำ แต่จากบันทึกในโทรศัพท์ที่ตำรวจกู้มาได้ พบว่า บรูโน ได้สั่งสปาเก็ตตี้ให้จัดการเรื่องนี้ ก่อนลงสนามไม่กี่นาที



"บรูโน ลงเล่นเกมสุดท้ายให้ฟลาเมงโก (แพ้ โกยาส วันที่ 5 มิถุนายน 2010) โดยรู้ว่าเอลิซาถูกลักพาตัว" เลสเตากล่าว

สุดท้าย ตำรวจก็พิสูจน์ได้ว่าเขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ โดยเมื่อปี 2013 ศาลได้สั่งจำคุกเขาเป็นเวลา 22 ปี ส่วนสปาเก็ตตี้ ถูกจำคุก 15 ปี ในขณะที่อปาเรซิโด ผู้ก่อเหตุฆาตกรรมสุดสยองถูกสั่งจำคุก 36 ปี โดย 22 ปี เป็นคดีเอลิซา และอีก 14 ปีมาจากคดีฆาตกรรมก่อนหน้านั้น

แต่หลังจำคุกได้เพียงแค่ 5 ปี บรูโน ก็ได้ย้ายมาอยู่ในเรือนจำเปิด ซึ่งเป็นเรือนจำที่ไม่มีห้องขัง ไม่มีกำแพง และเจ้าหน้าที่พร้อมอาวุธ ที่ใช้กักขังนักโทษที่มีความประพฤติดี

ก่อนที่ในเดือนมิถุนายน 2019 ศาลรัฐมินาส เกเรส จะอนุญาตให้เขารับโทษที่เหลือในระบบกึ่งเปิด ที่ทำให้เขาสามารถกลับมานอนที่บ้านได้ และมันก็เปิดทางให้เขามีความหวังที่หวนคืนสู่วงการฟุตบอลอีกครั้ง



"เขากำลังมองหาวิธีกลับคืนสู่สังคม ทั้งหมดที่เขาทำได้คือการเล่นฟุตบอล" มาเรียนา มิกลอรินี ทนายความของบรูโนกล่าว

อันที่จริง ก่อนหน้านี้ในระหว่างต้องขังในปี 2014 บรูโน เคยเซ็นสัญญาสโมสรเล็กๆ ในมินาส เกเรส ซึ่งจะทำให้เขาต้องย้ายไปอยู่เรือนจำในท้องถิ่น แต่สุดท้ายผู้พิพากษาไม่อนุญาต ทำในการเซ็นสัญญาต้องเป็นหมันไป

แต่ในที่สุดเขาก็ได้กลับมาลงสนามจนได้ในอีก 3 ปีต่อมา หลังศาลสูงสุดบราซิลสั่งปล่อยตัวชั่วคราว ที่ทำให้เขาได้เซ็นสัญญากับ โบอา เอสปอร์เต อีกสโมสรใน มินาส เกเรส

อย่างไรก็ดี การเซ็นสัญญาในครั้งนั้น ได้นำไปสู่การประท้วงของคนทั้งประเทศ และสปอนเซอร์ของทีม 3 รายขอถอนตัว แต่สโมสร ก็ยังให้เขาลงเล่นถึงห้านัด ก่อนที่จะกลับสู่เรือนจำ จากคำสั่งของศาลสูงสุด อีกศาลหนึ่ง

ทว่า ล่าสุดจากการรับโทษในระบบกี่งเปิด ทำให้ บรูโน ได้รับความสนใจจากหลายสโมสรในบราซิล แต่สุดท้ายไม่สามารถเซ็นสัญญาได้ เมื่อต้องเผชิญกับความกดดันจากแฟนบอลและสปอนเซอร์ ที่จะดึงอดีตฆาตกรมาร่วมทีม



"ฉันเชื่อว่าหลายคนควรได้รับโอกาสอีกครั้ง แต่การให้อภัยคนบางคน ไม่ได้หมายความว่าเราจะลืมสิ่งที่เขาทำ และทำกับชีวิตของพวกเรา" เจสซิกา เซนรา นักข่าวสาวบราซิลกล่าวถึงประเด็นที่ เฟรา เด ซานตานา จะเซ็นสัญญากับ บรูโน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2020

"หลังจากก่ออาชญากรรมที่ร้ายแรง มันค่อนข้างน่าสงสัยที่จะปล่อยให้ฆาตกรที่ฆ่าผู้หญิง กลับมาในจุดที่ทำให้เขากลายเป็นไอดอล"

มันคือคำพิพากษาของประชาชน เพราะที่จริงไม่มีกฏหมายข้อใดที่ห้ามเขากลับมาเล่นฟุตบอลอีก แต่การกระทำที่โหดร้ายและสะเทือนขวัญในอดีต เป็นสิ่งที่รับไม่ได้สำหรับคนทั่วไป แม้ว่า บรูโน จะไม่เห็นด้วยก็ตาม



"ผู้คนไม่อยากให้โอกาสผม พวกเขาไม่อยากให้ผมได้งาน" เขาให้สัมภาษณ์กับ TV channel Record ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา

"พวกเขาเอาแต่พูดเรื่องผมในสังคมออนไลน์ แต่ใครเป็นคนหารายได้มาให้ผมบ้างล่ะ"

บราซิล ถือเป็นหนึ่งในประเทศ ที่มีปัญหาเรื่อง Femicide หรือการฆ่าสตรีหรือเด็กผู้หญิงด้วยเหตุทางเพศ โดยจากสถิติล่าสุดระบุว่าแค่ปี 2019 ปีเดียวมีผู้หญิง 1,310 รายที่ถูกสังหารจากความรุนแรงในครอบครัว

ทำให้แม้ว่า บรูโน อยากจะกลับมาเล่นฟุตบอลแค่ไหน แต่สิ่งที่เขาก่อไว้ได้สร้างบาดแผลให้กับคนที่เกี่ยวข้องจนเกินจะรับไหว และยากจะลืมเลือน



"เขาก่ออาชญากรรมร้ายแรง และมันก็ไร้สาระที่เขาจะกลายมาเป็นไอดอลของเด็กและวัยรุ่นตอนนี้" โซเนีย มูรา แม่ของเอลิซา กล่าวกับ BBC ASIA369

"ศาลอนุญาตให้เขาทำตามปรารถนา แต่ในขณะที่ฉันไม่สามารถทำได้แม้กระทั่งหาชิ้นส่วนที่เหลือของลูกสาวเจอ"

Comments

Popular posts from this blog

RoV เอ้าเร็วของฟรี !! Garena แจกสกินระดับ Esteem และ Limited !!

RoV ( Review New Hero : Lorion ) การกลับมาของจ้าวแห่งศาสตร์มืด !!

อย่ารอช้า! เหตุผลที่ "ฟาน เดอ บีค" จะเป็นดีลสุดปังของผีแดง